วันพฤหัสบดีที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

BMW Thailand เปิดตัวทัพรถยนต์ 7 รุ่นรวด ในงาน Motor Expo 2012

กรุงเทพฯ - BMW Thailand ประกาศเปิดตัวรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูซีรี่ส์ 3 เพิ่มเติมทั้งในรุ่นเครื่องยนต์เบนซินด้วย BMW 320i ที่มาพร้อมให้เลือกทั้ง Sport, Modern และ Luxury Line พร้อมกันนี้ยังเพิ่มเติมในรุ่น BMW 328i Sport และในรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลทัวร์ริ่ง BMW 320d Touring M Sport ที่มาพร้อมชุดแต่ง M Sport Package รอบคัน

นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทยได้ประกาศเปิดตัวรุ่นปรับโฉมใหม่อีกหลากหลายรุ่น เริ่มตั้งแต่ BMW X1 ในรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน BMW X1 sDrive18i และรุ่นตกแต่งพิเศษ BMW X1 sDrive18i Sport และ BMW X1 sDrive18i xLine พร้อมรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล BMW X1 sDrive20d xLine ที่มาพร้อมกับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด steptronic และโหมด ECO PRO เพื่อการขับขี่อย่างประหยัดสูงสุด

สำหรับ BMW X6 xDrive30d M Sport Edition รุ่นปรับโฉมใหม่มาพร้อมกับล้ออัลลอย M 20 นิ้วและอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษ นอกจากนี้บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 7 ก็ได้รับการปรับโฉมใหม่ โดยเปิดตัวในรุ่น BMW 740Li ที่มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดพร้อมแผงหน้าปัด Black panel แสดงผลข้อมูลกราฟฟิคแบบปรับเปลี่ยนสีได้ตามโหมดการขับขี่    

โดย BMW 320i (ราคา 2,679,000 บาท) มาพร้อมกับ BMW TwinPower Turbo 4 สูบแถวเรียง ความจุ 2.0 ลิตร ที่สามารถผลิตกำลังสูงสุดได้ 184 แรงม้าที่ 5,000 รอบ และแรงบิดสูงสุด 270 นิวตัน-เมตรที่ 1,250-4,500 รอบ ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 7.3 วินาที มีอัตราการประหยัดน้ำมันเฉลี่ยที่ 16.9 กิโลเมตรต่อลิตร และอัตราการคายไอเสียคาร์บอนไดอ๊อกไซด์เฉลี่ย 138 กรัมต่อกิโลเมตร (ตามมาตรฐานการวัดค่าเฉลี่ย EU)

ส่วน BMW 328i (ยังไม่ประกาศราคา) มาพร้อมกับ BMW TwinPower Turbo 4 สูบแถวเรียง ความจุ 2.0 ลิตร ที่สามารถผลิตกำลังสูงสุดได้ 218 แรงม้าที่ 4,700 รอบ และแรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตรที่ 1,250-4,250 รอบ ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 6.4 วินาที มีอัตราการประหยัดน้ำมันเฉลี่ยที่ 15.9 กิโลเมตรต่อลิตร และอัตราการคายไอเสียคาร์บอนไดอ๊อกไซด์เฉลี่ย 147 กรัมต่อกิโลเมตร (ตามมาตรฐานการวัดค่าเฉลี่ย EU)มาพร้อมอุปกรณ์ตกแต่งภายในและภายนอกในแบบ Sport Line โดยเฉพาะ โดยเน้นการตกแต่งภายในด้วยเส้นตัดสีแดงในส่วนต่างๆของห้องโดยสาร สร้างความรู้สึกสปอร์ตแบบตระกูลรถแข่งที่แฝงความสุขุมไว้ได้อย่างลงตัว ล้ออัลลอยลายพิเศษขนาด 18 นิ้ว เฉพาะสำหรับสปอร์ตไลน์ ให้ความรู้สึกที่คล่องแคล่วในทุกการขับขี่ 

alt

BMW 320d Touring M Sport (ราคา 4,499,000 บาท) มาพร้อมกับ BMW TwinPower Turbo 4 สูบแถวเรียง ความจุ 2.0 ลิตร ที่สามารถผลิตกำลังสูงสุดได้ 184 แรงม้าที่ 4,000 รอบ และแรงบิดสูงสุด 380 นิวตัน-เมตรที่ 1,750-2,750 รอบ ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 7.6 วินาที มีอัตราการประหยัดน้ำมันเฉลี่ยที่ 21.7 กิโลเมตรต่อลิตร และอัตราการคายไอเสียคาร์บอนไดอ๊อกไซด์เฉลี่ย 122 กรัมต่อกิโลเมตร (ตามมาตรฐานการวัดค่าเฉลี่ย EU)

alt

BMW 320d Touring M Sport มาพร้อมชุดแต่ง M Sport Package ที่ประกอบไปด้วยชุดแอโรไดนามิครอบคัน, เบาะที่นั่งคู่หน้าแบบสปอร์ต, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นหุ้มด้วยหนังแท้ดีไซน์พิเศษเย็บตะเข็บด้วยสีน้ำเงินแบบ "M" พร้อมเกียร์ shift paddles, กาบบันไดดีไซน์พิเศษแบบ "M" และตกแต่งภายนอกด้วย High-gloss Shadow Line 

alt

BMW X1 sDrive18i Sport / xLine ได้เพิ่มอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษทั้งในแบบ Sport และ xLine บนพื้นฐานเครื่องยนต์เบนซิน (ราคาเริ่มต้นที่ 1,999,000 บาท) มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อม steptronic และระบบพวงมาลัยแบบ Servotronic ซึ่งจะปรับน้ำหนักแปรผันตามความเร็วของรถ ช่วยอำนวยความสะดวกในการขับขี่ทั้งแบบในเมืองและในการขับขี่ระยะทางไกลได้อย่างสบายและมั่นใจสูงสุด

สำหรับ BMW X1 sDrive18i Sport (ราคา 2,199,000 บาท) มาพร้อมกับล้ออัลลอย V-Spoke 318 ขนาด 17 นิ้ว, เบาะนั่งคู่หน้าแบบสปอร์ต, , พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นหุ้มด้วยหนังแท้ และ ช่องเชื่อมต่อ USB ส่วน BMW X1 sDrive18i xLine (ราคา 2,199,000 บาท) มาพร้อมกับล้ออัลลอย Y-Spoke 322 ขนาด 18 นิ้ว, ราวหลังคาแบบอลูมิเนียม, ตกแต่งภายในด้วยลายไม้ Fineline Bay Matt, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นหุ้มด้วยหนังแท้ และ ช่องเชื่อมต่อ USB

alt

สำหรับ BMW X1 sDrive20d xLine (ราคา 2,799,000 บาท) ใช้เครื่องยนต์ดีเซล BMW TwinPower Turbo 4 สูบแถวเรียง ความจุ 2.0 ลิตร ที่สามารถผลิตกำลังสูงสุดได้ 184 แรงม้าที่ 4,000 รอบ และแรงบิดสูงสุด 380 นิวตัน-เมตรที่ 1,750-2,750 รอบ ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อม steptronic สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 7.9 วินาที มีอัตราการประหยัดน้ำมันเฉลี่ยที่ 20.0 กิโลเมตรต่อลิตร และอัตราการคายไอเสียคาร์บอนไดอ๊อกไซด์เฉลี่ย 132 กรัมต่อกิโลเมตร (ตามมาตรฐานการวัดค่าเฉลี่ย EU)

BMW X1 sDrive20d xLine มาพร้อมกับล้ออัลลอย Y-Spoke 322 ขนาด 18 นิ้ว, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นหุ้มด้วยหนังแท้, ระบบ Comfort Access, ระบบควบคุมฟังก์ชั่นอัจฉริยะ iDrive พร้อมจอสีขนาด 8.8 นิ้ว, ระบบแผนที่นำทางแบบสามมิติ (Navigation system Professional), ระบบเสียงไฮไฟด้วย Amplifier ขนาด 180 วัตต์ พร้อมลำโพง 8 ตัวและแอพพลิเคชั่น BMW พร้อม Facebook, Twitter และฟังก์ชั่น Web radio (สำหรับ iPhone)

alt
alt

BMW X6 xDrive30d M Sport Edition (ราคา 7,299,000 บาท) มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซลแบบ 6 สูบแถวเรียง และเทคโนโลยี EfficientDynamics ที่เหนือชั้น ขนาด 3.0 ลิตร สามารถผลิตแรงบิด 540 นิวตันเมตร ที่ 1,750-2,500 รอบและกำลังสูงสุด 218 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ด้วยอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายในเวลา 8.1 วินาที อัตราการประหยัดน้ำมันเฉลี่ย 13.6 กิโลเมตรต่อลิตร และ อัตราการคายไอเสียคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ 195 กรัมต่อกิโลเมตร 

alt

BMW X6 xDrive30d M Sport Edition ได้รับการปรับอุปกรณ์ต่างๆ เช่นไฟหน้าแบบ Adaptive LED และไฟท้าย LED ดีไซน์ใหม่ ให้ความสวยงามและการส่องสว่างที่มีทัศนวิสัยเป็นเยี่ยม นอกจากนี้ระบบ Dynamic Performance Control ที่ทำหน้าที่ควบคุมการขับเคลื่อนในระหว่าง 2 ล้อหลัง ช่วยทำให้การเข้าโค้งเป็นไปได้อย่างแม่นยำและมั่นใจอย่างเต็มที่ พร้อมกันนี้ชุดแต่ง M มาพร้อมกับล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว และพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นหุ้มด้วยหนังแท้ดีไซน์พิเศษ "M" พร้อมเกียร์ shift paddles

alt
alt

สำหรับ BMW 740Li เป็นรถยนต์เรือธงของค่าย BMW ที่ได้รับการปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์เรียบร้อย ด้วยสุดยอดสมรรถนะเครื่องยนต์ BMW TwinPower Turbo พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีเพื่อความบันเทิง Rear-seat entertainment Professional ที่ทำงานเป็นอิสระจากกันในส่วนที่นั่งผู้โดยสารตอนหลัง ทำให้ BMW 740Li คงความเป็นสุดยอดยนตรกรรมแห่งผู้นำอย่างแท้จริง ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบแถวเรียง ความจุ 3.0 ลิตร สามารถผลิตกำลังสูงสุดได้ 320 แรงม้าที่ 5,800 รอบ และแรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตรที่ 1,300-4,500 รอบ ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อม steptronic

alt

นอกเหนือจากนี้ BMW 740Li รุ่นปรับโฉมใหม่ยังเพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีเพื่อการขับขี่ที่สะดวกสบายด้วยระบบ Adaptive Transmission Management, ระบบ Dynamic Damper Control, ระบบควบคุมการขับขี่แบบเลือกโหมด ECO PRO, Comfort, Comfort+, Sport และ Sport+ โดยที่เข็มวัดความเร็วและมาตรวัดต่างๆจะสามารถปรับเปลี่ยนเป็นภาพกราฟฟิคดิจิตอลบนหน้าจอสีดำสนิท เช่นเมื่อเปลี่ยนจากโหมด COMFORT มาเป็น SPORT มาตรวัดก็จะเปลี่ยนไปเป็นสีส้ม โดยแสดงอัตราความเร็วของรถเป็นตัวเลขดิจิตอลพร้อมข้อมูลเพิ่มเติมในส่วนของ power output ในแต่ละจังหวะของการขับขี่แบบสปอร์ต และเมื่อเปลี่ยนมาเป็นโหมด ECO PRO มาตรวัดบนหน้าจอก็เปลี่ยนไปเป็นโทนสีฟ้า พร้อมข้อมูลในส่วนของ EfficientDynamics ที่ทำหน้าที่ให้ข้อมูลเพื่อช่วยแจ้งเตือนผู้ขับขี่ว่าใช้อัตราเร่งมากเกินกว่าช่วงที่รถจะประหยัดพลังงานได้ดีที่สุดหรือไม่ ทำให้การขับขี่สนุกสนานมากยิ่งขึ้นด้วยข้อมูลแบบ Interactive นอกเหนือจากนี้ BMW 740Li ยังมาพร้อมระบบเสียงรอบทิศทางคุณภาพสูง Bang & Olufsen ขนาด 1,200 วัตต์ พร้อมลำโพง 16 ตัว เพิ่มสุนทรียภาพในการขับขี่อย่างเหนือชั้น

alt

สำหรับผู้ที่สนใจรถยนต์ใหม่จาก BMW ทั้ง 7 รุ่นนี้ สามารถชมได้ที่โชว์รูมและตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ BMW Thailand ทั่วประเทศตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปและในงานมหกรรมรถยนต์ครั้งที่ 29 ณ Challenger Hall อิมแพค เมืองทองธานี ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน - 10 ธันวาคม 2012

http://www.headlightmag.com/main/index.php?option=com_content&view=article&id=4835

วันจันทร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

วันอาทิตย์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ราคา All New D-max X-series รุ่นพิเศษ พร้อมเปรียบเทียบราคารุ่นเดิม



รูปจาก http://www.newdmax-club.com/index.php/topic,20097.msg379265.html#msg379265

รูปภาพแบบเยอะๆชมที่นี่ 
http://motortrivia.com/section-movie/grand-opening/0093-isuzu-d-max-x-series/2012-isuzu-d-max-x-series.html

รุ่นเดิม
Spacecab 2.5 VGS  691,000
รุ่นพิเศษ (+23,000 บาท) 
Spacecab  2.5 VGS Speed = 714,000

รุ่นเดิม
Hi-lander 2 drs 2.5 VGS Z DVD 738,000
รุ่นพิเศษ (+49,000 บาท) 
Hi-lander 2 drs 2.5 VGS DVD X-series = 787,000

รุ่นเดิม
Hi-lander 4 drs 2.5 VGS Z DVD 820,000
รุ่นพิเศษ (+49,000 บาท) 
Hi-lander 4 drs 2.5 VGS DVD X-series = 869,000

รุ่นเดิม 
Hi-lander 4 drs 2.5 VGS Z-prestige NAVI A/T 896,000 
รุ่นพิเศษ (+69,000 บาท) 
Hi-lander 4 drs 2.5 VGS NAVI A/T X-series = 965,000

ผมทราบเฉพาะรุ่น Hi-lander 4 drs 2.5 VGS NAVI A/T X-series = 965,000
ที่เพิ่มเติมจะมี
ภายนอก
- เพิ่มสเกิร์ตหน้า
- กระจังทำสีใหม่
- โลโก้แดง
- สติ๊กเกอร์คาด กระโปรงหน้า-ฝาท้าย
- บันไดข้างสีเดียวกับตัวรถ
- โรลบาร์+ไลน์เนอร์ทำพิเศษ
- เสาอากาศครีบฉลาม
- ล้อสีไฮเปอร์
- กล้องย้ายตำแหน่งให้เนียนขึ้น
- กาบข้างด้านล่างกระบะหลัง

ภายใน
- ระบบ Genius Entry
- DVD แบบใหม่ของ Isuzu
- ตกแต่งภายในใหม่จากสีเงินเป็นสีดำเงา
- เบาะสีใหม่ ดำสลับแดง

http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,26237.0.html

วันศุกร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

2012 All new D-max X-Series รุ่นพิเศษ มาพร้อม Genius Entry สตาร์ทรถโดยไม่ต้องใช้กุญแจ

Isuzu เปิดตัว  Isuzu Dmax Xseries ใหม่ ต่อยอดกระแสไลฟ์สไตล์ปิกอัพ



 อีซูซุเปิดตัว "ออล-นิว อีซูซุดีแมคซ์ เอ็กซ์-ซีรี่ส์" ใหม่ตอบโจทย์ผู้ใช้รถรุ่นใหม่ พร้อมฉลอง ยอดผลิตรถอีซูซุครบ 3 ล้านคัน
        นาย ฮิโรชิ  นาคางาวะ กรรมการผู้จัดการ  บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เผยว่า  อีซูซุยังต่อยอดกระแสความร้อนแรงของ "ออล-นิว อีซูซุดีแมคซ์" ด้วยการแนะนำรุ่นพิเศษ "เอ็กซ์-ซีรี่ส์" (All-new Isuzu D-Max X-Series) โฉบเฉี่ยวทั้งภายนอกและภายใน ตอบสนองความต้องการในรูปแบบที่แตกต่าง โดยยังคงเอกลักษณ์เฉพาะในแบบ X-Series โทนสีแดง-ดำ ตราสัญลักษณ์ ISUZU สีแดง พร้อมลายคาดหน้า-หลังบอกตัวตน
All-new Isuzu D-Max X-Series
          นอกจากนี้ "All New Isuzu Dmax X-series" ยังให้ความโดดเด่นด้วยสเกิร์ตหน้า-หลัง และ Sport Bar ในรุ่น Hi-Lander และสเกิร์ตรอบคัน โฉบเฉี่ยว เร้าใจในรุ่น Speed กล้องมองหลังแบบ Built-in ใหม่ (ในรุ่น 4 ประตู เกียร์ออโตเมติก) เพื่อการมองเห็นที่เหนือกว่า กระจกมองข้างแบบโครเมี่ยมใหม่ดูโดดเด่น กระจังหน้าใหม่! สี Dark Grey ล้ออลูมิเนียมอัลลอยด์ 17 นิ้ว และ 16 นิ้ว สี Dark Grey ลงตัวกับบันไดข้างดีไซน์โดดเด่นมีเอกลักษณ์  สีเงินสำหรับรถสีขาว และสีเทาดำสำหรับรถสีดำ
โดยพร้อมกันนี้ยังแนะนำ เสาอากาศแบบ Shark Fin Antenna เทคโนโลยีรับสัญญาณแบบ Dual Function สามารถรับสัญญาณ GPS และวิทยุได้พร้อมกัน และ Isuzu Genius Entry ระบบกุญแจอัจฉริยะ ล้ำสมัย สะดวกสบาย ให้เปิด-ปิดล็อคประตู และสตาร์ทรถโดยไม่ต้องใช้กุญแจหรือรีโมท พร้อมระบบ Entertainment เต็มรูปแบบจาก ISUZU Media Solutions
All-new Isuzu D-Max X-Series
          "All New Isuzu Smax X-series"  มาพร้อม เครื่องยนต์ 2,500 ซีซี DOHC 16 วาล์ว พร้อม VGS TURBO ให้กำลังสูงสุด 136 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที  แรงบิดสูงสุดแบบต่อเนื่อง 320 นิวตัน-เมตร  ที่ 1,800-2,800 รอบ/นาที  พร้อมชุดเกียร์ออโตเมติก 5 สปีด  อัตราทดต่อเนื่องพร้อมโหมด REV TRONIC ขับขี่เร้าใจแบบเกียร์ธรรมดา และชุดเกียร์ธรรมดา 5 สปีดแบบ SPORT-SHIFT ช่วงชักสั้น เข้าเกียร์ง่าย
          นอกจาการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่แล้ว Isuzu  ยังฉลองความสำเร็จในยอด ทำสถิติยอดผลิตครบ 3 ล้านคัน สำหรับ Isuzu ได้เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยครั้งแรก พ.ศ.2500  และเริ่มผลิตรถอีซูซุคันแรกในประเทศไทยเมื่อ พ.ศ.2506  โดย อีซูซุเป็นผู้นำในการสร้างนวัตกรรมให้แก่วงการรถยนต์เมืองไทยมาโดยตลอด อาทิ การนำเครื่องยนต์ดีเซลมาใช้กับรถปิกอัพเป็นครั้งแรกในเมืองไทยเมื่อปี พ.ศ.2521 ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการรถยนต์ ทำให้ตลาดรถปิกอัพขยายตัวอย่างรวดเร็ว และเป็นเสาหลักของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยจนถึงปัจจุบัน
รุ่น hi-lander

ภายนอก
- เพิ่มสเกิร์ตหน้า
- กระจังทำสีใหม่
- โลโก้แดง
- สติ๊กเกอร์คาด กระโปรงหน้า-ฝาท้าย
- บันไดข้างสีเดียวกับตัวรถ
- โรลบาร์+ไลน์เนอร์ทำพิเศษ
- เสาอากาศครีบฉลาม
- ล้อสีไฮเปอร์
- กล้องย้ายตำแหน่งให้เนียนขึ้น
- กาบข้างด้านล่างกระบะหลัง

ภายใน
- ระบบ Genius Entry 
- DVD แบบใหม่ของ Isuzu
- ตกแต่งภายในใหม่จากสีเงินเป็นสีดำเงา
- เบาะสีใหม่ ดำสลับแดง
http://auto.sanook.com/4541/isuzu-เปิดตัว-isuzu-dmax-xseries-ใหม่-ต่อยอดกระแสไลฟ์สไตล์ปิกอัพ/
http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,26225.0.html

2012 Honda Brio Amaze ซีดานอีโคคาร์รุ่นใหม่ โดยบี้

กรุงเทพฯ วันที่ 23 พฤศจิกายน 2555 – บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศเปิดตัว บริโอ้ อเมซ รถยนต์อีโคคาร์ ซีดาน 1.2 ลิตร ใหม่ จากฮอนด้า อย่างเป็นทางการในไทยเป็นประเทศแรกในเอเชีย พร้อมดึงบี้ สุกฤษฎิ์ วิเศษแก้ว เป็นพรีเซนเตอร์ ร่วมส่งมอบสมการความสุขใหม่

นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร รองประธานอาวุโส บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า "ภายหลังการกลับมาอย่างแข็งแกร่ง ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา ฮอนด้าได้สร้างสถิติเปิดตัวรถมากรุ่นที่สุดในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย การเปิดตัว บริโอ้ อเมซ ในวันนี้ นับเป็นรุ่นที่ 10 ของปีนี้ บริโอ้ อเมซ เป็นยนตรกรรมที่พัฒนาต่อยอดจากบริโอ้ ให้เป็นอีโคคาร์รุ่นที่ 2 ของฮอนด้า และป็นผลสำเร็จจากการทำงานร่วมกันระหว่างวิศวกรญี่ปุ่นและวิศวกรชาวไทย ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนารถยนต์ฮอนด้าประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศไทย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทั้งในประเทศไทย และภูมิภาคเอเชียอย่างแท้จริง และเพื่อให้ทันต่อความต้องการของกลุ่มลูกค้ารถยนต์คันแรกในประเทศไทย ทีมงานต่างทุ่มเทสุดความสามารถ เพื่อให้บริโอ้ อเมซ สามารถเปิดตัวได้ทันก่อนปิดโครงการรถยนต์คันแรกของรัฐบาล บริโอ้ อเมซ จึงหมาะสำหรับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับลูกค้าชาวไทยที่กำลังมองหารถยนต์คันแรกที่มีรูปลักษณ์อันโดดเด่น และมีราคาที่ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้” 

alt



บริโอ้ อเมซ พัฒนาด้วยแนวคิด “สมาร์ท ไมโคร ลีมูซีน” ตามหลักการออกแบบยนตรกรรมของฮอนด้า Man Maximum Machine Minimum ที่เน้นให้ความสำคัญสูงสูดต่อผู้ขับขี่และผู้โดยสาร คือการออกแบบภายนอกที่มีสไตล์โฉบเฉี่ยว ปราดเปรียวด้วยเส้นสายจากหัวจรดท้าย โดดเด่นด้วยกระจังหน้าโครเมียมสไตล์สปอร์ต กันชนหน้าสีเดียวกับตัวรถ พร้อมไฟท้ายดีไซน์ใหม่ที่ลงตัวกับคิ้วโครเมียมสะท้อนความโฉบเฉี่ยวในทุกมุมมอง ภายในห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย มีพื้นที่ห้องสัมภาระท้ายขนาดใหญ่ 




บริโอ้ อเมซ มาพร้อมเครื่องยนต์ SOHC i-VTEC ขนาด 1.2 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว 90 แรงม้า ให้การขับขี่อย่างสนุกในทุกอารมณ์ และให้การประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงที่ดีเยี่ยมถึง 20 กิโลเมตร/ลิตร เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐานมลพิษระดับ EURO4 ระบบพวงมาลัยแบบแร็คแอนด์พีเนียนและเพาเวอร์ผ่อนแรงแบบไฟฟ้า (EPS) รัศมีวงเลี้ยวแคบสุดเพียง 4.6 เมตร ให้ความคล่องตัวในการขับขี่ มีระบบความปลอดภัยอย่างครบครัน ด้วยโครงสร้างตัวถังนิรภัย G-CON เสริมโครงสร้างเหล็กกล้าพิเศษ ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) ระบบกระจายแรงเบรค (EBD) ถุงลมอัจฉริยะด้านคนขับแบบ i-SRS และผู้โดยสารด้านหน้า SRS ปกป้องผู้โดยสารจากการชนด้านหน้าและด้านข้างของตัวรถตามมาตรฐาน UNECE ในทุกรุ่น และยังติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวก เช่น กุญแจรีโมท เครื่องเสียงแบบ 2 Din ช่องเชื่อมต่อ USB และ AUX สำหรับอุปกรณ์ต่อพ่วง และพนักเท้าแขนด้านหลัง พร้อมที่วางแก้วน้ำ 9 ตำแหน่ง 
(อุปกรณ์มาตรฐาน แตกต่างเฉพาะรุ่น)



บริโอ้ อเมซ จึงเป็นบทสรุปของสมการความสุขใหม่จากฮอนด้า ที่ผสานความต้องการที่แตกต่างและหลากหลายได้อย่างลงตัว คือ คล่องตัว แต่กว้างสบาย ขับสนุกแต่ประหยัดน้ำมัน และเป็นอีโคคาร์ที่มีความปลอดภัยครบครัน 

เพื่อเป็นการสื่อสารภาพลักษณ์อันโดดเด่นของบริโอ้ อเมซ ฮอนด้าได้เลือกนักร้องซุปเปอร์สตาร์ขวัญใจชาวไทย บี้ สุกฤษฎิ์ วิเศษแก้ว มาเป็นพรีเซนเตอร์ เพื่อเป็นผู้ถ่ายทอดสมการความสุขใหม่ไปยังลูกค้าทุกท่าน ผ่านบทเพลงพิเศษ “สมการ Love” ที่ได้แต่งขึ้นเพื่อบริโอ้ อเมซ โดยเฉพาะ โดยบี้นั้นมีบุคลิกของคนรุ่นใหม่ที่คล่องแคล่ว ทันสมัย มากความสามารถ เป็นทั้งนักร้องนักแสดง ทั้งยังเป็นคนสนุก สบายๆ แต่ในขณะเดียวกันก็มีความมุ่งมั่นตั้งใจกับการทำงานให้ออกมามีคุณภาพ ส่งผลให้เป็นขวัญใจของแฟนๆชาวไทยทุกเพศ ทุกวัย ด้วยบุคลิกทั้งหมดนี้จึงสามารถสะท้อนภาพลักษณ์ของบริโอ้ อเมซได้เป็นอย่างดี





บริโอ้ อเมซ มีให้เลือก 4 รุ่น ได้แก่ รุ่น S เกียร์ธรรมดา ราคา 454,000 บาท และเกียร์อัตโนมัติ ราคา 493,000 บาท รุ่น V เกียร์ธรรมดา ราคา 482,000 บาท และรุ่น V เกียร์อัตโนมัติ ราคา 521,000 บาท และ มีให้เลือก 5 สี ได้แก่ สีดำคริสตัล (มุก) สีแดงคาร์เนเลียน (มุก) สีเงินอลาบาสเตอร์ (เมทัลลิก) สีขาวทาฟเฟต้า และสีใหม่คือสีม่วงมารีน (มุก)

ลูกค้ารถยนต์คันแรกที่จองบริโอ้ อเมซ ภายในสิ้นปีนี้สามารถรับสิทธิ์เงินคืนภาษีได้ตั้งแต่ 65,000 – 73,000 บาท

ในโอกาสต้อนรับการเปิดตัวบริโอ้ อเมซ ฮอนด้า ยังได้จัดแคมเปญ บริโอ้ อเมซ สมการสุข สุดเซอร์ไพรส์ พิเศษสุดสำหรับลูกค้าที่จองรถตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ธันวาคม 2555 มอบเซอร์ไพรส์ถึง 3 ชั้น ได้แก่ 
 
 ชั้นที่ 1 รับสิทธิ์ให้เลือก 3 ทางเลือก ด้วย 
1. ดอกเบี้ยต่ำสุดเพียง 1.49% สำหรับลูกค้าที่มีกำลังผ่อนแต่ไม่อยากจ่ายดอกเบี้ยแพง 
2. ดาวน์ต่ำสุด 59,999 บาท แถมฟรีประกันภัยชั้น 1 ให้ลูกค้าเป็นเจ้าของรถได้ง่ายๆ 
3 ผ่อนต่ำสุด 3,813 บาทต่อเดือน แถมฟรีประกันภัยชั้น 1 ผ่อนสบายๆ กับฮอนด้า สไมล์ เพย์ (จ่ายวันละ 128 บาท)  
 ชั้นที่ 2 รับฟรีกระเป๋าเดินทางขนาด 20 นิ้วมูลค่า 2,500 บาท  
 ชั้นที่ 3 รับสิทธิ์ลุ้น ฮอนด้า คลิก 125i มูลค่า 46,500 บาท แจกทุกวัน วันละคันรวม 39 คัน

http://www.headlightmag.com/main/index.php?option=com_content&view=article&id=4804