ทาทา มอเตอร์ส เปิดตัวกระบะเพื่อการพาณิชย์ ซีรี่ส์ Heavy Duty 2 รุ่นใหม่ Tata Xenon Giant Heavy Duty เครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร และ Tata Xenon Giant Heavy Duty CNG Plus เครื่องยนต์ซีเอ็นจี 2.1 ลิตร เจาะกลุ่มลูกค้าที่ต้องการใช้รถเพื่อดำเนินธุรกิจขนส่งต่างๆ อย่างคุ้มค่าคุ้มราคา
นายอจิต เวนคาทารามาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทาทา มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า "ทาทา มอเตอร์ส เป็นผู้นำในตลาดรถปิคอัพเพื่อการพาณิชย์อย่างแท้จริง การเปิดตัว ทาทา ซีนอน ไจแอนท์ เฮฟวี่ ดิวตี้ ทั้ง 2 รุ่น ทำให้ปัจจุบันเรามีรถเพื่อการพาณิชย์ถึง 6 รุ่น ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า"
นายอจิต เวนคาทารามาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทาทา มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า "ทาทา มอเตอร์ส เป็นผู้นำในตลาดรถปิคอัพเพื่อการพาณิชย์อย่างแท้จริง การเปิดตัว ทาทา ซีนอน ไจแอนท์ เฮฟวี่ ดิวตี้ ทั้ง 2 รุ่น ทำให้ปัจจุบันเรามีรถเพื่อการพาณิชย์ถึง 6 รุ่น ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า"
ด้วยกระแสความต้องการของรถกระบะบรรทุกเชิงพาณิชย์ที่มีสูงขึ้น ทำให้ทาทา มอเตอร์ส เร่งพัฒนารถยนต์กระบะของตน ส่ง ซีนอน ไจแอนท์ เฮฟวี่ ดิวตี้ เครื่องยนต์ดีเซล และซีเอ็นจี เสริมทัพไลน์กระบะพาณิชย์ และเป็นครั้งแรกของเมืองไทยกับกระบะใช้เพลา เฮฟวี่ ดิวตี้ สนองความต้องการลูกค้า ให้มั่นใจในคุณภาพและสมรรถนะ หลังเสริมความแข็งแกร่งให้บรรทุกหนักได้มากขึ้น สร้างความคุ้มค่าคุ้มราคายิ่งขึ้น พร้อมพัฒนาเครื่องยนต์ซีเอ็นจีให้มีความทนทานกว่าเดิม เตรียมบุกตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ขนาดใหญ่เต็มตัว เปิดตัวเรียบร้อยแล้ววันนี้ (15 สิงหาคม 2555) สนนราคาเริ่มต้นที่ 519,000 บาท
บริษัท ทาทา มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ฉลองการก้าวสู่ปีที่ 5 ในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ด้วยการส่ง ทาทา ซีนอน ไจแอนท์ เฮฟวี่ ดิวตี้ (TATA Xenon Giant Heavy Duty) กระบะเพื่อการพาณิชย์รุ่นแรกในเมืองไทยที่ติดตั้งเพลาแบบ เฮฟวี่ ดิวตี้ ซึ่งผลิตออกมา 2 รุ่น ทั้งในรุ่นซีนอน เฮฟวี่ ดิวตี้ เครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ และซีนอน เฮฟวี่ ดิวตี้ ซีเอ็นจีพลัส เครื่องยนต์เบนซินซีเอ็นจี 2.1 ลิตรใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการให้กับลูกค้าที่ใช้รถเพื่อดำเนินธุรกิจขนส่งต่างๆ ได้อย่างคุ้มค่าคุ้มราคามากยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะในส่วนของ ทาทา ซีนอน ไจแอนท์ เฮฟวี่ ดิวตี้ ซีเอ็นจีพลัส นั้น ทาทา มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้ใช้ประสบการณ์ตลอดระยะเวลากว่า 5 ปีที่ผ่านมาในฐานะผู้ผลิตและจำหน่ายรถซีเอ็นจีเป็นรายแรกในไทย สร้างความเข้าใจถึงความต้องการและวิธีการใช้งานรถของผู้บริโภคชาวไทยโดยเฉพาะในส่วนของผู้ประกอบการ ซึ่งเน้นที่การนำรถไปใช้งานหนักในการดำเนินธุรกิจ การขนส่งสินค้า เป็นอย่างดี เพื่อเป็นพื้นฐานในการการพัฒนาเครื่องยนต์และอุปกรณ์ชิ้นส่วนของไจแอนท์ เฮฟวี่ ดิวตี้ ซีเอ็นจีพลัส ที่มีความแข็ง แกร่งทนทานต่อการใช้งานมากยิ่งขึ้น พร้อมการติดตั้งถังบรรจุก๊าซธรรมชาติซีเอ็นจีมากถึง 3 ถัง ซึ่งจะสามารถวิ่งได้ในระยะทางไกลกว่า 350 กิโลเมตร ทั้งนี้ นอกจากความคุ้มค่าคุ้มราคาจากสมรรถนะของ ไจแอนท์ เฮฟวี่ ดิวตี้ แล้ว ลูกค้ายังได้รับความคุ้มค่าจากการได้สิทธิ์คืนเงินตามนโยบายรถคันแรกของรัฐบาลด้วย
นายอจิต เวนคาทารามาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ ทาทา มอเตอร์ส ยังกล่าวถึงการเปิดตัว ทาทา ซีนอน ไจแอนท์ เฮฟวี่ ดิวตี้ ในเมืองไทยครั้งนี้ว่า "ไจแอนท์ เฮฟวี่ ดิวตี้ เป็นการขยายตลาดไปยังลูกค้าอีกกลุ่มหนึ่งที่มีความต้องการใช้งานรถที่บรรทุกได้มากขึ้น ขณะที่รถกระบะทาทา ซีนอน ไจแอนท์ เครื่องยนต์ดีเซล รุ่นเพลามาตรฐาน ก็ยังมีการผลิตและจำหน่ายต่อไป เนื่องจากลูกค้าในส่วนที่ใช้งานบรรทุกทั่วไปแบบปกติก็ยังคงมีอยู่ ทั้งนี้เรามั่นใจว่าการเปิดตัว ไจแอนท์ เฮฟวี่ ดิวตี้ ทั้งสองรุ่นในครั้งนี้ จะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า ซึ่งการเปิดตัวรถทั้งสองรุ่นยังถือเป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของเราในดำเนินธุรกิจในตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ด้วยการนำ เสนอผลิตภัณฑ์ที่รวมแล้วมากถึง 6 รุ่นในปัจจุบัน ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้าได้มากที่สุดในตลาด”
Tata Xenon Single Cab Heavy Duty มาพร้อมทางเลือก 2 รุ่นด้วยกัน คือรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล สนนราคา 519,000 บาท และเครื่องยนต์เบนซิน CNG สนนราคาที่ประมาณ 569,000 บาท พร้อมกับการปรับปรุงการบริการหลังการขายให้ดีมากขึ้น ด้วยการเพิ่มศูนย์บริการเป็น 65 แห่งภายในปีงบประมาณ 2555 นำระบบการจัดการผู้แทนจำหน่าย DMS (Dealer Management System) เข้ามาใช้กับดีลเลอร์ทั่วประเทศ เพื่อให้ดีลเลอร์สามารถจัดระบบบริหารและตอบสนองลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น
บริษัท ทาทา มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ฉลองการก้าวสู่ปีที่ 5 ในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ด้วยการส่ง ทาทา ซีนอน ไจแอนท์ เฮฟวี่ ดิวตี้ (TATA Xenon Giant Heavy Duty) กระบะเพื่อการพาณิชย์รุ่นแรกในเมืองไทยที่ติดตั้งเพลาแบบ เฮฟวี่ ดิวตี้ ซึ่งผลิตออกมา 2 รุ่น ทั้งในรุ่นซีนอน เฮฟวี่ ดิวตี้ เครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ และซีนอน เฮฟวี่ ดิวตี้ ซีเอ็นจีพลัส เครื่องยนต์เบนซินซีเอ็นจี 2.1 ลิตรใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการให้กับลูกค้าที่ใช้รถเพื่อดำเนินธุรกิจขนส่งต่างๆ ได้อย่างคุ้มค่าคุ้มราคามากยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะในส่วนของ ทาทา ซีนอน ไจแอนท์ เฮฟวี่ ดิวตี้ ซีเอ็นจีพลัส นั้น ทาทา มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้ใช้ประสบการณ์ตลอดระยะเวลากว่า 5 ปีที่ผ่านมาในฐานะผู้ผลิตและจำหน่ายรถซีเอ็นจีเป็นรายแรกในไทย สร้างความเข้าใจถึงความต้องการและวิธีการใช้งานรถของผู้บริโภคชาวไทยโดยเฉพาะในส่วนของผู้ประกอบการ ซึ่งเน้นที่การนำรถไปใช้งานหนักในการดำเนินธุรกิจ การขนส่งสินค้า เป็นอย่างดี เพื่อเป็นพื้นฐานในการการพัฒนาเครื่องยนต์และอุปกรณ์ชิ้นส่วนของไจแอนท์ เฮฟวี่ ดิวตี้ ซีเอ็นจีพลัส ที่มีความแข็ง แกร่งทนทานต่อการใช้งานมากยิ่งขึ้น พร้อมการติดตั้งถังบรรจุก๊าซธรรมชาติซีเอ็นจีมากถึง 3 ถัง ซึ่งจะสามารถวิ่งได้ในระยะทางไกลกว่า 350 กิโลเมตร ทั้งนี้ นอกจากความคุ้มค่าคุ้มราคาจากสมรรถนะของ ไจแอนท์ เฮฟวี่ ดิวตี้ แล้ว ลูกค้ายังได้รับความคุ้มค่าจากการได้สิทธิ์คืนเงินตามนโยบายรถคันแรกของรัฐบาลด้วย
นายอจิต เวนคาทารามาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ ทาทา มอเตอร์ส ยังกล่าวถึงการเปิดตัว ทาทา ซีนอน ไจแอนท์ เฮฟวี่ ดิวตี้ ในเมืองไทยครั้งนี้ว่า "ไจแอนท์ เฮฟวี่ ดิวตี้ เป็นการขยายตลาดไปยังลูกค้าอีกกลุ่มหนึ่งที่มีความต้องการใช้งานรถที่บรรทุกได้มากขึ้น ขณะที่รถกระบะทาทา ซีนอน ไจแอนท์ เครื่องยนต์ดีเซล รุ่นเพลามาตรฐาน ก็ยังมีการผลิตและจำหน่ายต่อไป เนื่องจากลูกค้าในส่วนที่ใช้งานบรรทุกทั่วไปแบบปกติก็ยังคงมีอยู่ ทั้งนี้เรามั่นใจว่าการเปิดตัว ไจแอนท์ เฮฟวี่ ดิวตี้ ทั้งสองรุ่นในครั้งนี้ จะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า ซึ่งการเปิดตัวรถทั้งสองรุ่นยังถือเป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของเราในดำเนินธุรกิจในตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ด้วยการนำ เสนอผลิตภัณฑ์ที่รวมแล้วมากถึง 6 รุ่นในปัจจุบัน ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้าได้มากที่สุดในตลาด”
Tata Xenon Single Cab Heavy Duty มาพร้อมทางเลือก 2 รุ่นด้วยกัน คือรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล สนนราคา 519,000 บาท และเครื่องยนต์เบนซิน CNG สนนราคาที่ประมาณ 569,000 บาท พร้อมกับการปรับปรุงการบริการหลังการขายให้ดีมากขึ้น ด้วยการเพิ่มศูนย์บริการเป็น 65 แห่งภายในปีงบประมาณ 2555 นำระบบการจัดการผู้แทนจำหน่าย DMS (Dealer Management System) เข้ามาใช้กับดีลเลอร์ทั่วประเทศ เพื่อให้ดีลเลอร์สามารถจัดระบบบริหารและตอบสนองลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น